ทริป ฟิลิปปินส์ เป็นอีกหนึ่งทริป ที่ฉันรู้สึกว่ามันท้าทาย และตื่นเต้นไม่น้อย เพราะอะไรหนะหรือ ทั้งที่เดินทางไปต่างประเทศก็บ่อย ไม่ว่าจะไปด้วยงาน หรือไปเที่ยวเองก็ตาม ลึกๆแล้ว การเดินทางครั้งนี้ ก็แอบหวาดหวั่นไม่น้อย วันแรก… ของการเดินทางมา ฟิลิปปินส์ ไฟท์บินก็มาถึงซะค่ำ ฉันคงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการเข้า Check In ที่โรงแรม ก่อนที่จะออกเดินสำรวจไปรอบๆ สถานทีต่างๆใกล้ๆ
ฉันเลือกที่จะเดินไปสำรวจบริเวณที่มีแสงสว่างมากหน่อย เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง เพราะได้ยินหนาหูเหลือเกินก่อนมาว่า กรุงมานิลา อันเป็นเมืองหลวง ของประเทศ ฟิลิปินส์ นี้ ปัญหาอาชญากรรม การขโมย และฉกชิงวิ่งราวค่อนข้างเยอะ ถึงขนาดมีคำเตือน ปากต่อปาก และในรีวิวต่างๆ ก็เตือนให้นักท่องเที่ยวระวังตัวเป็นพิเศษมื่อคิดจะมาเยียนถิ่นนี้ แน่นอนเป็นที่สุด หลักตรรกะที่คนอย่างฉันจะคิดได้ ซึ่งมันขัดแย้งกับความจริงมากๆก็คือ

ที่ไหนกันจะปลอดภัยเท่าแหล่งท่องเที่ยวยามราตรี ลึกๆใจมั่นเร้าหรือหนะ ไม่มีเหตุผลอะไรมากไปกว่านี้ ฉันคิดง่ายๆแค่ว่า อย่างน้อยย่านนี้ ตำรวจก็เดินพลุกพล่านมากกว่าย่านอื่นๆแระกัน ฉันเดินไปเรื่อยๆก่อนที่จะสะดุดตาอย่างจังเข้ากับร้านๆนึง ไม่ใช่ร้านพิเศษอะไรหรอก ก็ร้านมินิมาร์ทปกติ ที่บ้านเราก็มีกันดาษเดื่อนทุกที่ ว่าแล้วก็หาอะไรรองท้องซักหน่อยดีกว่า คืนนี้ยังไม่กล้าลองของแปลกอะไรนัก กลัวว่าจะเกิดปัญหาและส่งผลต่อทริปเช้าพรุ่งนี้ บะหมี่ คัพ ดีสุด.. ท้องอิ่มก็ไม่อยากเดินต่อ หนังตาเริ่มทำงาน เดินกลับที่พักดีกว่า…
แสงอาทิตย์ยังไม่ทันแจ้งมากนัก ฉันก็ต้องยอมปลีกตัวเองออกจากผ้านวมนุ่มๆ อาบน้ำแต่งองค์ พร้อมเดินทางไปที่ท่าเรือ เพื่อโดยสารเรือเฟอร์รี่ ข้ามไปยังเกาะแห่งประวัติศาตร์อันมีนามว่า”คอเรฮิดอร์” ซึ่งเป็นเป้าหมายของวันนี้ ทะเลสวยจัง…คร๊อกฟี้ ขอหลับต่ออีกแป๊ปนะ
….เมื่อเรือเทียบท่า ผู้โดยสารที่โดยสารเรือมาด้วยกัน ต่างก็แยกย้ายกันเพื่อไปนั่งประจำรถนำเที่ยว ลักษณะคล้ายรถราง แต่ขับเคลื่อนด้วยล้อ ใครนั่งคันไหน ก็ดูจากสติ๊กเกอร์ที่ จนท.ได้ติดให้ตอนที่เราซื้อตั๋วเข้ามา ก่อนจะเริ่มทริปวันนี้ ก็เกือบเที่ยงแล้ว จนท. พาเรามาส่งที่ร้านอาหารบนเกาะซึ่งค่าอาหารก็รวมอยู่ในราคาทัวร์วันนี้แล้ว อาหารกลางวันวันนี้ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นอาหารทะเล ออกแนวสเปนๆหน่อย แต่ก็อร่อยดี ส่วนที่อร่อยสุดก็คงเป็นน้ำใบเตยที่ดื่มแล้วชื่นใจเป็นที่สุด คงเพราะอากาศมันร้อนด้วยกระมัง..ฉันว่านะ
หลังทานอาหาร จนท. ก็นำรถมารับและเดินทางไปยังจุดต่างๆ พร้อมบรรรยายบอกเล่าเรื่องราวความเป็นไปเป็นมาต่างๆ และจอดรถให้นักท่องเที่ยงได้ลงถ่ายรูปเป็นระยะๆ ความรู้สึกก็คงเหมือนนั่งรถชมซากปรักหักพักที่หลงเหลือไว้เป็นอนุสรณ์สถานเตือนใจคนรุ่นหลังนั่นแหละ…สำหรับคนที่ชอบประวัติศาสตร์คงชอบมากเลยทีเดียว
เกาะคอร์เรฮิดอร์ตั้งอยู่ตรงปากอ่าวมะนิลา ห่างจากกรุงมะนิลาประมาณ 48 ก.ม.เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอ่าวมานิลาเลยทีเดียว ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เกาะคอร์เรฮิดอร์มีบทบาทสำคัญ
โดยใช้ที่นี่เป็นเป็นศูนย์กลางในการป้องกันการรุกรานของประเทศญี่ปุ่น ที่จะเข้ามารุกรานฟิลิปปินส์ในปี 1941 ภายหลังที่นายพลดัคลาส แมคอาร์เธอร์ และประธานาธิปดีมานูเอล ได้เดินทางไปออสเตรเลียแล้ว Lt. Gen. Jonathan M. Wainwright ก็ได้เป็นผู้บัญชาการต่อที่นี่ เกาะคอเรฮิดอร์ตกอยู่ภายใต้ญี่ปุ่นนานถึง 2 ปี 10 เดือน หลังจากนั้นฝ่ายพันธมิตรโดยการนำของนายพลแมคอาเธอร์ก็สามารถยึดเกาะแห่งนี้คืนได้
สิ่งที่ยังคงหลงเหลือไว้นอกจากเรื่องราว ความเศร้าสลด ความสูญเสีย นั่นก็คือซากปรักหักพักของตัวอาคารต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากกองกำลังของฟิลิปปิน อเมริกา และญี่ปุ่น ที่ได้ร่วมรบและเสียชีวิตบนเกาะ…จุดท่องเที่ยวสำคัญบนเกาะได้แก่ Pacific War Memorial ที่มีหลังคาโดมและแท่นบูชาหินอ่อน อุโมงค์มาลินตายาว 830 ฟุต และ Filipino Heroes Memorial รวมทั้งภาพจิตรกรรมฝาผนังที่แสดงเรื่องราวการสู้รบต่าง ๆ ในประวัติศาสตร์ ฟิลิปปินส์ ..
พระอาทิตย์ใกล้ตกแล้ว ได้เวลาอันสมควร ..ฉันคงต้องโบกมือลาสถานที่แแห่งนี้เสียที อาจจะไม่ได้อินไปกับมันมากนัก นั่นเพราะฟัง จนท. บรรยายออกบ้างไม่ออกบ้าง แต่ฉันก็รับรู้ได้ว่า..ทุกความสูญเสีย ต่างก็ด้วยเหตุผล แห่งบ้านเกิดเมืองนอนกันทั้งนั้น…. ว่าแต่ถึงเวลาโดยสารเรือกลับฝั่งแระ คืนนี้จะไปซุกซนที่ไหนดีนะ …….. โปรดติดตามต่อต่อไป
เขียนโดย ลุงหนีเที่ยว