ตุรกี ไม่ใช่แค่กระแส แต่สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ในหลายช่วงเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา การท่อง ประเทศ ตุรกี คือหนึ่งประเทศเป้าหมายในลำดับต้นๆที่ใครหลายคน ล้วนมีความตั้งใจ และอยากจะไปซักครั้ง ด้วยกระแสโซเชียล และอิทธิพลการรีวิวอย่างล้นหลามของเหล่าบรรดา บล็อกเกอร์ นักเขียน หรือนักเดินทางต่างๆที่ได้พรรณนาเอาไว้อยากออกรสว่าเที่ยว ตุรกี ไม่ไปไม่ได้แล้ว
และฉัน ก็เป็นคนหนึ่ง ที่มีโอกาสได้เดินทางไปที่ในหลายๆครั้ง ต่างกาล และฤดู ในปัจจุบันแม้ว่ากระแส ท่องเที่ยวประเทศตุรกี จะลดน้อยลงกว่าเดิม หากจะเทียบกับข่วงหลายปีก่อนหน้านี้ แต่เมื่อคิดย้อนกลับไป สำหรับฉัน ที่นี่ ยังเป็นสถานที่ในลำดับต้นๆ ที่ฉันตั้งใจจะกลับไปในทุกๆครั้ง ที่มีโอกาส
การท่องเที่ยว ในประเทศนี้ ไม่ว่าจะเดินทางเที่ยวเอง หรือเดินทางในรูปแบบของ ทัวร์ตุรกี โดยมี บริษัททัวร์ เป็นผู้จัดการดูแล ต่างล้วนเป็นสเน่ห์ ของการเที่ยวประเทศตุรกีด้วยกันทั้งนั้น หากเรามีเวลามากพอ การเดินทางท่องเที่ยวด้วยตนเอง ในแบบไม่รีบเร่ง นับเป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อย ซึ่งเป็นสเน่ห์สำหรับการเดินทางในทุกๆประเทศเหมือนกัน
แต่ก็นั้นแหละ ด้วยเหตุผลของคำว่า “เวลา” และข้อจำกัดต่างๆของแต่ละคน จะด้วยความเร่งรีบในการใช้ชีวิต หรือการลางานด้วยระยะเวลานานๆ ย่อมไม่ส่งผลดี ต่อลูกจ้าง หรือคนทำงาน ที่ไม่ใช้เจ้าของกิจการ ทำให้หลายคนไม่มีเวลามากพอ ในการเลือกท่องเที่ยว ในลักษณะเที่ยวเอง หรือเที่ยวไปเรื่อยๆ อีกทั้งการท่องเที่ยว ในประเทศนี้ หากจะเที่ยวให้ครบทุกจุดไฮไลท์แล้วหละก็ คงต้องใช้เวลานานพอสมควรหรือหลายสัปดาห์เลยทีเดียว
เนื่องด้วย “ตุรกี” เป็นประเทศที่ใหญ่ และเรื่องราวประวัติศาสตร์ทุกหน้า ที่เราได้รับฟัง หรืออ่านจากตำหรับตำรามากมาย ต่างก็กระจัดกระจาย เป็นเรื่องเล่า และตำนาน อยู่ในทุกที่ของประเทศตุรกี การเดินทางจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง กินเวลาในการเดินทางค่อนข้างมาก หลายชั่วโมง หรือเป็นวัน หากต้องการประหยัดเวลา ก็จำเป็นที่จะต้องเลือกบินภายใน โดยสายการบนิภายในประเทศ แต่ก็นั่นแหละ งบประมาณในการท่องเที่ยวก็จะยิ่งมากขึ้น ดังนั้นการเลือกท่องเที่ยวในลักษณะ ทัวร์ จึงถูกนับเป็นตัวเลือกที่ดีอีกตัวเลือกหนึ่ง ด้วยเหตุผลนี้
“ตุรกี” หรือใครๆก็เรียกประเทศนีว่า “ดินแดนแห่งสองทวีป “ประเทศที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานมาก สามารถย้อนกลับไปได้ถึงยุคสมัยของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช หรืออาจเก่าแก่กว่านั้นมากมาย
อาณาจักรต่างๆเคยตั้งอยู่อยู่บริเวณแถบๆนี้ หลายต่อหลายอาณาจักร และก็ล่มสลายไปตามกาลเวลา เนื่องด้วยการสู้รบ การล่าอาณานิคม การขยายเขตแดนเพื่อแสวงหาความยิ่งใหญ่ หรือเนื่องด้วยภัยพิบัติทางธรรมชาตินานับครั้งก็ตาม เมื่ออาณาจักรหนึ่งล่มสล่าย หนึ่งอาณาจักรก็ถือกำเนิด เปลี่ยนผลัดหมุนเวียนกันอยู่เช่นนี้เรื่อยไป จวบจนมีการกำหนดเขตแดน เป็นแว่นแคว้น หรือประเทศอย่างในปัจจุบันนั่นเอง
ปัจจุบันประเทศตุรกี มีลักษณะทางวัฒนธรรมแบบผสมผสาน จะกล่าวว่าเป็นกลุ่มชาติพันธ์อาหรับเลย หรือรับเอาวัฒนธรรมอิสลามเคร่งครัดแบบ 100% ก็ไม่สามารถกล่าวได้อย่างเต็มปากนัก สืบเนื่องจากเรายังสามารถมองเห็นผู้หญิงที่ไม่ได้คลุมฮิญาบ หรือปิดหน้าเหมือนสตรีในโลกตะวันออกกลางเดินปะปนอยู่บนท้องถนน และใช้ชีวิตได้อย่างเสรี
ฉันพบว่า สตรีชาวตุรกี โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ สามารถใช้ชีวิต และดำเนินชีวิต เทียบได้ก็สตรีอื่นๆในยุโรปหรือประเทศทั่วไป ผู้หญิงตุรกีในปัจจุบันสามารถออกมาทำงานนอกบ้านเพื่อแบ่งเบาภาระสามีได้ … ทว่า …. ตุรกี …. ก็ยังนับว่าเป็นหนึ่งในประเทศมุสลิม วัฒนธรรมหรือข้อบังคับทางศาสนาก็ยังคงสำคัญและมีบทบาทไม่ได้ลดหย่อนไปกว่าเดิม และฉันก็ยังคงคงเห็นและสัมผัสได้ในบางพื้นที่ โดยเฉพาะนอกเมืองออกไป
เรายังคงเห็นผู้หญิงที่แต่งกายมิดชิด ปิดหน้า และใช้ชีวิตตามแบบฉบับของอิสลามิกชนทั่วไปเหมือนสตรีในโลกอาหรับอื่นๆ ที่ยังคงฝังตัวเองอยู่แต่ในบ้าน ทำหน้าที่ของภรรยา ดูแลสามี และลูก รวมถึงคนในครอบครัวอื่นๆ ประกอบอาชีพทอพรหม หรือถักไหม หรือแม้แต่งานเล็กๆน้อยที่พอจะทำได้ ไม่ออกไปคลุกคลีกับสังคมภายนอกโดยปราศจากความจำเป็น สิ่งเหล่านี้ยังคงมีให้เราได้เห็นอย่างคุ้นตา เมื่อเราก้าวพ้นจากวิถีชนเมือง อย่างอิสตัลบูล หรือ อังการาเมืองหลวง
ชาวตุรกี …. มีเชื่อสายมากจากกลุ่มชาวเติร์ก ที่อดีต ได้อพยพถิ่นฐานมาจากบริเวณแถบเถือกเขา “อัลไต” หรือมองโกลเลียในปัจจุบัน เดิมทีชาวเติร์ก หรือชาวตุรกีเองก็มีรูปพรรณ หน้าตาละม้ายคล้ายกับชาวเอเชียโดยทั่วไปอย่างเราๆนี่เอง ในขณะที่ตุรกีมีพรมแดนบางส่วนติดกับยุโรป ทำให้ผู้คนทั้งสองฝั่งสามารถไปมาหาสู่กันได้โดยสะดวก การแต่งงาน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้าง พันธุกรรมและรูปพรรณ
ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจเลย… ที่เราจะเห็นผู้หญิงและชายชาวตุรกีในปัจจุบัน จะมีหน้าตาละม้ายไปทางฝรั่งเสียส่วนใหญ่ แต่ดวงตาก็ยังคงออกสีดำหรือน้ำตาล ที่ยังคงเป็นเอกลักษณ์ของชาวเอเชียอยู่ รวมถึงผมดำขมับ หรือน้ำตาล น้อยนักที่เราจะได้เห็นชาวตุรกีมีผมสีทอง เหมือนหญิงและชายชาวยุโรปทั่วๆไป
นอกจากสเน่ห์การผสมผสานทางวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ ที่สะท้อนออกมาจากวีถีชีวิตของคนตุรกีในปัจจุบัน สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัด คือเรื่องของการกิน หรืออาหาร… ไม่แปลกที่จะเราจะพบว่า อาหารของชาวตุกี กึ่งๆโลก 2 โลกรวบกัน นั่นคือโลกตะวันออกและโลกตะวันตก จะกล่าวเป็นอาหารของชาวอาหรับก็ไม่ใช่ มีกลิ่นอายแขกๆเหมือนอาหารอินเดียก็ไม่ใช่อีก จะบอกว่าเป็นอาหารฝรั่งก็ยังนับว่าไม่ใช่เสียทั้งหมด .. ดังนั้นหากใครมีโอกาสได้เดินทางไปตุรกี การทานอาหารพื้นเมือง ก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีตัวเลือกหนึ่ง ในการเรียนรู้จักประเทศของเขาให้มากขึ้น
อย่างที่กล่าวไว้ในตอนต้น ฉันมีโอกาศได้เดินทางไปตุรกีหลายครั้ง ทั้งที่เดินทางด้วยตัวเอง หรือแม้แต่การเลือกใช้บริการของ บริษัททัวร์ชั้นนำ ฉันต่างล้วนสัมผัสมาแล้วด้วยกันทั้งนั้น
หากจะมีคำถามต่อมาว่า ตุรกีควรไปเที่ยวในช่วงไหน ฉันคงตอบแบบไม่ต้อคิดอะไรเลยว่า อยากไปช่วงไหนก็ไปเถอะ แล้วแต่เวลา และโอกาศจะอำนวย เพราะไม่ว่าจะเที่ยวฤดูไหน ต่างก็สวยจับใจด้วยกันทั้งนั้น
เอาเป็นว่า ใครชอบฤดูหนาว ชอบใส่ชุดกันหนาว สวยๆ พันผ้าพันคอเก๋ๆ ที่หนึ่งปีจะมีโอกาศได้ใช้ซักครั้ง เพราะอากาศหนาวปนหิมะแบบนี้ บ้านเราที่ได้ชื่อว่าประเทศเมืองร้อนก็คงยากที่จะหาโอกาศได้หยิบมันออกมาใช้
การเดินทางในช่วงธันวาคม ถึงเมษายน ในแต่ละปี เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับไม่ชอบอาบน้ำเอามากๆ บางครั้งเราอาจจะไ้ดพบกับความหนาวเย็นแบบติดลบกันเลยทีเดียว อาการศหนาวเย็นแบบนี้ มันดีไม่น้อยเลย หากเราได้แช่น้ำอุ่นๆในห้องพัก หรือใน ฮัมมาม แบบตุรกี ซึ่งถือเป็นห้องอาบน้ำหรือห้องสตรีมที่มีบริการอยู่ตามสถานที่พัก โรงแรม หรือบางเมือง เราก็สามารถพบฮัมมาม สาธารณะตามจุดต่างๆของเมืองนั้นๆอีกด้วย และฉันอยากแนะนำเลยว่า ในช่วงนี้หากเรามีโอกาศเดินทางไปเมือง ปามุขเล่ หรือเมืองที่เรารู้จักกันในเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยวคือ ปราสาทปุยฝ้าย ที่เกิดจากการรวบ การกรัด การกร่อน ของตระกอนหินปูน ที่ทับถมกันมากว่าหลายหมื่น หลายพันปี เกิดเป็นความสวยงาม ตามแต่ที่เราได้เห็นในสื่อโซเชียลต่างๆ ที่มีลักษณธคล้ายเปลือหอยแครง หงายเรียงเป็นชั้นๆ มีน้ำสีฟ้า ซึ่งจริงๆแล้วก็คือน้ำแร่ หรือน้ำอุ่นๆไหลรินไล่ระดับลงมา ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลง ที่เมืองปามุขเล่ จะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นอีกเมืองหนึ่งที่มีชื่อเสียงในเรื่องของ น้ำแร่ธรรมชาติ ที่เหมาะสำหรับการแช่พักผ่อนเพื่อคลายความหนาวในช่วงเหมันต์นี้ นอกจากนี้แล้ว ตุรกี ยังมีลานสกีที่มีชื่อเสียงอีกมาก เหมาะสำหรับนักเดินทางที่ต้องการทำกิจกรรมอีกด้วย
หากใครไม่ชอบความหนาวเย็น และก็ไม่อยากสัมผัสกับความร้อน เหงื่อไหล การเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเดือนเมษายน พฤษภาคม นับเป้นตัวเบือกที่ดี เนื่องจากเป็นช่วงปลายหนาว อากาศเริ่มอุ่นขึ้น และก็เป็นที่มาของการผลิบานของดอกทิวลิป ที่เบ่งบาน ชูช่อ อวดสีสันกันอย่างมากมายตามหัวเมืองใหญ่ๆ โดยเฉพาะตัวเมือง อิสตัลบูล ที่เราสามารถชื่นชมกับดอกไม้นี้ได้ในทุกพื้นที่
มิถุนายน ถึงกันยายน เป็นช่วงที่ตุรกี มีอากาศค่อนข้างร้อน ข้อดีก็มีอยู่ตรงที่ช่วงนี้ ราคาทัวร์ตุรกี จะถูกกว่าช่วงอื่นๆ เทียบจากประสบการณ์การเดินทางของฉันนะ แต่นอกจากทัวร์จะราคาไม่สูงแล้ว ตัวฉันคิดว่า หน้าร้อน สเห่ห์ของตุรกีเหลือหลายเลยทีเดียว เพราะรูปทุกรูปที่ถ่ายออกมาไม่ว่าจะด้วยกล้องถ่ายรูปมืออาชีพ หรือแม่แต่กล้องจากโทรศัพท์มือถือก็ตาม ภาพทุกภาพ สีสัน สวยบาดตาบาดใจมาก และเพลิดเพลินไม่น้อยกับการแวะพักตาม คาเฟ่ หรือจุดพักรถข้างทาง ดื่มดำ่กับเครื่องดื่มเย็นๆในแบบตุรกี โดยเฉพาะน้ำทับทิมเย็นๆ ที่ราคาถูกแสนถูกและดีต่อสุขภาพด้วย
การท่องเที่ยวในประเทศตุรกี สำหรับฉัน ไม่ว่าจะเดินทางในช่วงฤดูไหนก็ตาม จะร้อน จะหนาว จะฝน ฉันมองว่ามันมีสเน่ห์ที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนมากกว่า แต่ที่คือความจริงที่สุดนั้นก็คือ หากเราไม่ลองไปเยียนซักครั้ง แล้วเราจะตกหลุมรักมันได้อย่างไร จริงมั้ย ??
เขียนโดย ลุงหนีเที่ยว